วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
แปรงสีฟันแหล่งแพร่เชื้อโรค
หากบอกว่าแปรงสีฟันเป็นอุปกรณ์ที่สะอาด และเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคน้อยที่สุด ทันตแพทย์ส่วนใหญ่คงจะไม่เห็นด้วย แบคทีเรียสามารถเติบโตในแปรงสีฟัน ซึ่งมีแหล่งอาหารและน้ำที่เพียงพอสำหรับการเติบโต แถมยังตั้งอยู่ใน ห้องที่มีเชื้อโรคมากที่สุด นั่นคือห้องน้ำ อีกต่างหาก
นักวิจัยพบว่า แบคทีเรียสเต็ปโตคอคคัส สเต็ปฟีโลคอคคัส อินฟลูซ่า และเฮิร์ปซิมเพล็กซ์ 1 รวมทั้งเชื้อโรคอื่นๆ สามารถมีชีวิตอยู่ได้ในแปรงสีฟัน แม้ทันตแพทย์ส่วนใหญ่แนะนำให้เปลี่ยนแปรงสีฟันอย่างน้อยทุกๆ 3-4 เดือน แต่จุลชีพเล็กๆ นี้ สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานกว่านั้น โดยแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อโรค สามารถแพร่จากแปรงสีฟันอันหนึ่งไปสู่อีกอันหนึ่งได้ง่าย และการใช้แปรงสีฟันร่วมกับคนอื่นก็ทำให้เกิดการติดเชื้อระหว่างผู้ใช้ได้
อย่างไรก็ตาม เพราะแบคทีเรียนั้นชอบเติบโตในที่ที่อบอุ่น มืด และชื้น ดังนั้น ทันตแพทย์จึงแนะนำให้วางแปรงสีฟันไว้ใกล้หน้าต่างห้องน้ำ
"การใช้แปรงสีฟันไฟฟ้า ทำให้เชื้อโรคทำลายเหงือกของเราได้มากขึ้น ดังนั้นการใช้แปรงสีฟันแบบปกติที่มีขนาดเล็ก หัวแปรงสะอาด และเปลี่ยนทุกๆ 2 สัปดาห์ จะดีกว่า" ดร.อาร์ ทอม กลาส แห่งมหาวิทยาลัยโอคลาโฮมา กล่าว
"ควรเปลี่ยนแปรงสีฟันเมื่อคุณป่วย เพราะคนจำนวนมากป่วยเพราะใช้แปรงสีฟันเก่า แปรงสีฟันเป็นแหล่งเพาะพันธ์เชื้อโรคที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง ดังนั้น ควรเปลี่ยนแปลงให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้"
เครดิต: http://www.banprak-nfe.com/webboard/index.php/topic,1589.0.html
ไฟเบอร์ กับการลดน้ำหนัก
เส้นใยอาหาร (Fiber) คืออะไร
เส้นใยอาหาร คือส่วนของโครงสร้างของพืช เช่น กิ่ง ก้าน เมล็ด เป็นส่วนที่ร่างกายไม่สามารถย่อยสลายได้มีอีกชื่อหนึ่งว่าเซลลูโลส ซึ่งมี 2 ชนิดคือ ไฟเบอร์ ชนิดที่ละลายน้ำได้ และ ไฟเบอร์ ชนิดที่ไม่ละลายน้ำ ไฟ เบอร์ เป็นสารอาหารที่ไม่ให้พลังงานใดๆ ถึงแม้ว่าโครงสร้างจะเป็นน้ำตาลชนิดหนึ่งก็ตาม เมื่อเรารับประทาน ไฟเบอร์ ซึ่งเป็นสารที่ไม่ให้พลังงานเข้าไปในร่างกาย มันจะเข้าไปแย่งพื้นที่ในระบบทางเดินอาหาร ส่งผลให้เรารู้สึกอิ่มได้เร็วและอิ่มได้นาน ช่วยลดความอยากอาหารลงไป เราสามารถลดพลังงานที่จะได้รับจากอาหารได้จึงส่งผลให้ลดน้ำหนักได้
แหล่งอาหารที่จะได้รับไฟเบอร์
เราสามารถได้จากพวกธัญพืช เช่น ข้าวซ้อมมือ ลูกเดือย ข้าวโอ๊ต ผลไม้ทั้งผล (ไม่ใช่น้ำผลไม้) ผลส้มแขก เมล็ดแมงลัก
ไฟเบอร์กับการลดความอ้วน
1. ไฟเบอร์ ช่วยให้อาหารเดินทางเร็วขึ้นและมีเวลาอยู่ในระบบทางเดินอาหารสั้นลง จึงช่วยลดการดูดซึม
2. ไฟเบอร์ ไปแย่งพื้นที่ในระบบทางเดินอาหาร ทำให้ลดความอยากอาหารและรับประทานอาหารได้น้อยลง หากใช้ร่วมกับการควบคุมชนิดและปริมาณอาหาร และออกกำลังกายร่วมด้วยจะยิ่งให้ผลดีในการ ลดน้ำหนัก
3. จากหลาย ๆ การทดลองพบว่าการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มี ไฟเบอร์ อย่างน้อย 2 กรัมขึ้นไปช่วยให้ น้ำหนักลดลงได้
หากไม่แน่ใจว่าจะสามารถรับประทาน ไฟเบอร์ ได้อย่างเพียงพอ ก็ควรจะรับประทานในรูปของ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และในการรับประทาน ไฟเบอร์ ก็ควรที่จะรับประทานน้ำให้มากอย่างเพียงพอในแต่ละวันด้วย แต่ต้องจำไว้อย่างหนึ่งว่า ไฟเบอร์ ไม่ใช่ยาระบาย ที่จะช่วยระบายของเสีย ดังนั้นหากท่านต้องการระบายโดยไม่ได้ต้องการคุณประโยชน์อื่นๆ ของ ไฟเบอร์ ก็น่าจะใช้ยาระบายน่าจะเหมาะสมกว่า
เครดิต: http://www.banprak-nfe.com/webboard/index.php/topic,1551.0.html
ทำไมเบอร์รี่ ถึงดีกับดวงตา
บิลเบอร์รี่ (Bilberry) เป็นผลไม้สีน้ำเงินม่วง ที่พบมากในประเทศแถบยุโรป แคนาดา และสหรัฐอเมริกา ในแถบอังกฤษและยุโรปตอนเหนือ นิยมนำผลบิลเบอร์รี่สุกมาทำเป็น
แยมมานานกว่า 100 ปีแล้วนอกจากนี้ยังนำส่วนของใบและก้าน ไปทำเป็นผลแห้งเพื่อทำเป็นผงชาสำหรับดื่มเพื่อสุขภาพกันอย่างแพร่หลายอีกด้วย
บิลเบอร์รี่ เริ่มฮิตติดอันดับเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จากการที่นักบินทหารอากาศของประเทศอังกฤษ สังเกตว่ากินแยมบิลเบอร์รี่ก่อนฝึกบินในเวลากลางคืน ช่วยให้สายตาทำงานได้ดีขึ้นในที่มืด
นักวิจัยชาวฝรั่งเศสพบว่า บิลเบอร์รี่ มีสารสีน้ำเงินอมม่วง ที่เรียกว่า แอนโธไซยาโนไซด์ ซึ่งมีฤทธิ์เป็นตัวต้านอนุมูลอิสระสูง เมื่อเทียบกับผักและผลไม้อื่นๆ และยังช่วยบำรุงและสร้างโรดอบซิน (Rhodopsin) ซึ่งเป็นสารเคมีที่จอรับภาพ จึงช่วยให้สายตาทำงานได้ดีขึ้นในที่มืด ทำให้เราสามารถมองเห็นภาพได้แม้ในที่มีแสงน้อย
เครดิต: http://www.banprak-nfe.com/webboard/index.php/topic,1604.0.html
7 ผัก-ผลไม้ที่ผู้หญิงควรรับประทาน
1.ลูกพรุน ต้องบอกเลยว่าเป็นแหล่งโปแตสเซียม เหล็ก และไฟเบอร์ชั้นดี ที่สำคัญลูกพรุนยังช่วยให้สาวๆ มีเลือดฝาดดูเป็นสาวสดใส ยิ่งโดยเฉพาะสาวๆ ที่มีอายุ 25 ขึ้นไป ร่างกายจะเริ่มเสื่อมโทรม ไขมันจะเริ่มสะสมตามที่ต่างๆ ผิวหน้าก็อาจจะหมองคล้ำลง ธาตุเหล็กที่มีในลูกพรุนจะช่วยดูแลเรื่องนี้ ควบคู่กับภาวะที่สตรีต้องสูญเสียเลือดและธาตุเหล็กไปกับประจำเดือนอีกด้วย
2.ถั่ว เพียบพร้อมไปด้วยโปรตีน เหล็ก และวิตามินปีด้วย มีนักวิทยาศาสตร์เขาค้นพบว่า เมื่อเรารับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำ (ซึ่งมีมากในถั่ว) ไฟเบอร์จะเคลือบกระเพาะ ทำให้เรารู้สึกอิ่มเร็วและนาน ความอยากอาหารจะลดลง แถมนอกจากไฟเบอร์แล้ว ในถั่วยังมีสารอาหารชนิดอื่นๆ อีกด้วย จึงทำให้ผู้หญิงอย่างเราหุ่นดีโดยไม่ขาดสารอาหาร
3.บร็อกโคลี มีซีลีเนียมมาก ซึ่งจะช่วยบำรุงผิวพรรณและช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง ทำให้ผิวพรรณอ่อนนุ่มมีน้ำมีนวล แถมยังช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้
4.กล้วย โดยเฉพาะในกล้วยไข่จะมีสารเบต้าแคโรทีน ซึ่งสามารถต้านอนุมูลอิสระ เมื่อสาวๆ อายุ 22 ปีไปแล้ว ร่างกายจะเริ่มหยุดการเติบโต ความเสื่อมของร่างกายก็จะเริ่มมาเยือน และนั่นก็จะทำให้เซลล์ในร่างกายทุกเซลล์ผลิตอนุมูลอิสระมากขึ้น ที่แน่นอนที่สุดความสามารถในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอก็จะลดลงเรื่อยๆ ความสามารถในการกำจัดอนุมูลอิสระก็ลดลง สาวๆ จึงต้องรับประทานกล้วยให้เยอะๆ
5.ฝรั่ง รู้หรือไม่ว่าฝรั่ง 100 กรัม มีวิตามินซีสูงถึง 180 มิลลิกรัม ซึ่งวิตามินซีนี้มีบทบาทในการสร้าง 'คอลลาเจน' ที่ทำให้ผิวพรรณเต่งตึงยืดหยุ่นไม่เหี่ยวย่นก่อนวัย
6.แอปเปิล มี เบต้าแคโรทีน วิตามินซี และไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ ที่ชื่อ 'เพคติน' ซึ่งจะช่วยลดความอยากอาหาร ลดน้ำหนัก และลดคอเลสเตอรอล ถ้าสาวๆ หิวเมื่อไหร่ล่ะก็ให้นึกถึงแอปเปิลไว้ก่อนเลย
7.ส้ม เป็นแหล่งวิตามินเกลือแร่และเส้นใยธรรมชาติ น้องๆ การรับประทานส้มโดยไม่คายกาก จะช่วยคุมน้ำหนักได้อีกทางหนึ่ง เพราะจะทำให้เราอิ่มท้องเร็ว สาวๆ ที่อยากลดน้ำหนักต้องส้มเลย
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ผักผลไม้มีประโยชน์ต่อร่างกายเพียงใด ถึงแม้สาวๆ จะไม่ค่อยนิยมชมชอบ อย่างไรก็ตาม แต่เพื่อให้ได้ประโยชน์โดยตรงกับสาวๆ เรามาลองดูกันว่ากินผักผลไม้แบบไหนจึงตรงประเด็นที่สุด
เครดิต: http://www.banprak-nfe.com/webboard/index.php?PHPSESSID=02231674a9a2783f7beb299da8a9ad41&topic=1613.0
วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)