วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2552
วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
สนใจไหมเอ่ย?
1. ลดคอเลสเตอรอล และ ไตรกรีเซอร์ไรด์สารแกมม่า-ออไรซานอล ทำหน้าที่เพิ่มระดับไขมันชนิดดี (HDL) ให้แก่ร่างกาย ซึ่งไขมันชนิดนี้จะไปช่วยขจัดคอเลสเตอรอล (LDL) รวมทั้งไตรกรีเซอร์ไรด์ (Triglycerides) จากหลอดเลือดและส่วนต่างๆ ของร่างกาย นอกจากนั้น น้ำมันจมูกข้าวรำข้าว ยังประกอบด้วยวิตามินอีกลุ่มโทโคโตรอินอล ไฟโตสเตอรอล และกรดไขมันโอเมก้า 3-6-9 ซึ่งมีส่วนช่วยลดคอเลสเตอรอล และ ไตรกรีเซอร์ไรด์ ได้ด้วย
2. ป้องกันโรคหัวใจและโรคที่เกิดจากหลอดเลือดตีบตันโรคหัวใจ โรคสมองเสื่อม โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต โรคชาตามประสาทส่วนปลาย รวมทั้งโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ล้วนมีสาเหตุมาจากการที่หลอดเลือดอุดตัน ทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่ายกายไม่ทั่วถึง จึงเป็นเหตุให้เกิดโรคดังกล่าว สารอาหารต่างๆ ในน้ำมันจมูกข้าวรำข้าว ช่วยขจัดไขมันในหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดสะอาด ปลอดโปร่งอยู่เสมอ เลือดสูบฉีดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ได้ทั่วร่างกาย โรคร้ายดังกล่าวข้างต้นก็ไม่เกิดขึ้น
3. บำรุงสมอง บำรุงระบบประสาทกรดไขมันโอเมก้า 3 ช่วยบำรุงสมอง บำรุงเซลล์ในระบบประสาท ทำให้สมองดีอยู่เสมอ เด็กที่รับประทานน้ำมันจมูกข้าวรำข้าว จึงมีความจำดี ส่วนผู้สูงวัยหากได้รับประทานน้ำมันจมูกข้าวรำข้าว อยู่เสมอ ก็จะปลอดภัยจากโรคสมองเสื่อม ขณะที่โอเมก้า 6 และวิตามินบีคอมเพล็กซ์ เป็นส่วนประกอบของเซลล์ผิวหนัง และ เซลล์ในอวัยวะสืบพันธุ์ ช่วยให้ผิวหนังและระบบสืบพันธุ์ดีขึ้น
4. ป้องกันโรคมะเร็งโรคร้ายที่คร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกอย่างไม่มีที่มาที่ไปในศตวรรษที่ผ่านมาและศตวรรษนี้ คือโรคมะเร็ง แต่น่ายินดีที่ผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ พบว่า หากได้รับสารอาหารที่มีอยู่ในน้ำมันจมูกข้าวรำข้าว เข้มข้นถึง 5% ของกระแสเลือดในร่างกาย จะช่วยให้รอดพ้นจากการเป็นโรคมะเร็ง แม้ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งแล้ว ก็ช่วยได้ถึง 62% เนื่องจากในน้ำมันจมูกข้าวรำข้าว มีสารอาหารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมาก ว่ากันว่า สารต้านอนุมูลอิสระในน้ำมันจมูกข้าวรำข้าว มีมากกว่าในพืชทุกชนิดเท่าที่มีการค้นพบในเวลานี้
5. บำรุงผิวพรรณให้ผ่องใส และ ชะลอความแก่น้ำมันจมูกข้าวรำข้าว มีวิตามินอีจำนวนมาก รวมทั้งวิตามินบีคอมเพล็กซ์ โอเมก้า 6 และเซลาไมซ์(Ceramide) ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกแล้วว่า สารอาหารดังกล่าว มีส่วนช่วยบำรุงผิวพรรณให้เต่งตึง เปล่งปลั่ง ผ่องใสมีน้ำมีนวลอยู่เสมอ ทำให้แก่ช้า หรือ ชะลอความแก่ ที่มีรอยเหี่ยวย่นเกิดขึ้นแล้ว ก็ทำให้ริ้วรอยเหี่ยวย่นหายไป
6. ควบคุมความสมดุลของระดับฮอร์โมนในร่างกายร่างกายคนเราจะผลิตฮอร์โมนชนิดต่างๆ ออกมาเสมอ เพื่อให้การทำงานของอวัยวะต่างๆ ดำเนินไปได้อย่างปกติ หากร่างกายขาดฮอร์โมนชนิดใดชนิดหนึ่งก็จะเกิดโรคร้ายขึ้น เช่น ความผิดปกติเกี่ยวกับฮอร์โมนอินซูลิน ก็จะเป็นผลให้เกิดโรคเบาหวาน หรือ ความผิดปกติเกี่ยวกับฮอร์เอสโตรเจนในสตรี ก็จะเกิดอาการวัยทองและระบบประจำเดือน เป็นต้น จากการศึกษาวิจัย พบว่า สารอาหารหลายชนิดในน้ำมันจมูกข้าวรำข้าว ช่วยให้ร่างกายสามารถผลิตฮอร์โมนได้อย่างสม่ำเสมอและเกิดความสมดุล จึงทำให้ร่างกายแข็งแรงตลอดไป
7. ป้องกันโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศทั้งชายและหญิงอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เกิดขึ้นได้กับทั้งชายและหญิง ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของสังคม เพราะหากคู่สามีภรรยาอยู่ด้วยกันอย่างไม่มีความสุข หรือขาดความสมดุลทางเพศ ก็จะก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ มากมาย เช่น การหย่าร้าง การคบชู้สู่ชายหรือหญิง การประพฤติผิดต่อคู่ครอง การเที่ยวเตร่นอกบ้าน เป็นต้น สำหรับชายหญิงที่ได้รับสารอาหารต่างๆ ในน้ำมันจมูกข้าวรำข้าวเป็นประจำ จะทำให้ร่างกายมีความแข็งแรงสมบูรณ์อยู่เสมอ อีกทั้งสารเมลาโทนิน(Melatonin) ช่วยให้จิตใจผ่อนคลายด้วย ก็จะทำให้รอดพ้นจากโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้ตลอดไป
8. บำรุงดวงตา สายตา ให้แจ่มใส ใช้งานได้ดีอยู่เสมอดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญ หากขาดการบำรุง ก็จะทำให้ดวงตาเกิดโรคต่างๆ ได้ เช่น น้ำเลี้ยงตาแห้ง ทำให้รู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่ดวงตา หรือ เป็นต้อชนิดต่างๆ เป็นต้น สารอาหารที่อยู่ในน้ำมันจมูกข้าวรำข้าว เช่น วิตามินเอ วิตามินบีคอมเพล็กซ์ เบต้าแคโรทีน ล้วนมีส่วนช่วยให้ดวงตาแจ่มใสและใช้งานได้ดีอยู่เสมอ
9. เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายในน้ำมันจมูกข้าวรำข้าว มีสารอาหารต่างๆ มากมาย ทั้งโปรตีน(จากพืช) ไขมันชนิดดีที่ร่างกายต้องการ(HDL) วิตามินต่างๆ ทั้งวิตามินเอ บีรวม อี ดี เค แร่ธาตุสำคัญๆ ที่ร่างกายต้องการก็มีอยู่ในน้ำมันจมูกข้าว เช่น แคลเซี่ยม ฟอสฟอรัส โปตัสเซี่ยม เซเลเนี่ยม โครเมี่ยม สังกะสี แมงกานีส นอกจากนั้น ยังมีเลซิติน ไลโซเลซิติน เซฟฟาลีน เบต้าแคโรทีน ซึ่งทั้งหลายทั้งปวง ล้วนทำให้สุขภาพแข็งแรง จึงทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานที่ดี ไม่เจ็บไม่ป่วย แม้ผู้ที่มีอาการป่วยแล้ว หากได้รับสารอาหารดังกล่าวอย่างเพียงพอและสมดุล ก็จะหายป่วยได้ ล่าสุด นายแพทย์บาร์รี่แห่งมหาวิทยาลัยไมอามี่ สหรัฐอเมริกา ได้ทำการวิจัยผู้ป่วยเอดส์ โดยให้ทานเซเลเนี่ยมเป็นประจำ ปรากฎว่า ได้ผลดี ทำให้ภูมิคุ้มกัน (CD4) เพิ่มมากขึ้น ขณะที่เชื้อ HIV ลดลง ดังนั้น ผู้ที่ร่างกายปกติควรรับประทานน้ำมันจมูกข้าว เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงตลอดไป ส่วนผู้ที่ป่วยแล้ว ก็ควรรับประทานน้ำมันจมูกข้าว เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหาร ซึ่งจะทำให้หายป่วยอย่างรวดเร็ว10. หลับสนิท จิตใจเบิกบานยอมรับกันแล้วว่า การพักผ่อนด้วยการนอนหลับ คือ การพักผ่อนที่ดีที่สุด สารอาหารเมลาโทนิน ในน้ำมันจมูกข้าวรำข้าว จะทำให้นอนหลับสนิท หลับลึก ทำให้ร่างกายได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ เมื่อตื่นก็สดชื่นเบิกบาน จิตใจก็แจ่มใส ไม่เครียด ทำให้การดำเนินชีวิตเป็นไปอย่างมีความสุข
1. ลดคอเลสเตอรอล และ ไตรกรีเซอร์ไรด์สารแกมม่า-ออไรซานอล ทำหน้าที่เพิ่มระดับไขมันชนิดดี (HDL) ให้แก่ร่างกาย ซึ่งไขมันชนิดนี้จะไปช่วยขจัดคอเลสเตอรอล (LDL) รวมทั้งไตรกรีเซอร์ไรด์ (Triglycerides) จากหลอดเลือดและส่วนต่างๆ ของร่างกาย นอกจากนั้น น้ำมันจมูกข้าวรำข้าว ยังประกอบด้วยวิตามินอีกลุ่มโทโคโตรอินอล ไฟโตสเตอรอล และกรดไขมันโอเมก้า 3-6-9 ซึ่งมีส่วนช่วยลดคอเลสเตอรอล และ ไตรกรีเซอร์ไรด์ ได้ด้วย
2. ป้องกันโรคหัวใจและโรคที่เกิดจากหลอดเลือดตีบตันโรคหัวใจ โรคสมองเสื่อม โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต โรคชาตามประสาทส่วนปลาย รวมทั้งโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ล้วนมีสาเหตุมาจากการที่หลอดเลือดอุดตัน ทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่ายกายไม่ทั่วถึง จึงเป็นเหตุให้เกิดโรคดังกล่าว สารอาหารต่างๆ ในน้ำมันจมูกข้าวรำข้าว ช่วยขจัดไขมันในหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดสะอาด ปลอดโปร่งอยู่เสมอ เลือดสูบฉีดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ได้ทั่วร่างกาย โรคร้ายดังกล่าวข้างต้นก็ไม่เกิดขึ้น
3. บำรุงสมอง บำรุงระบบประสาทกรดไขมันโอเมก้า 3 ช่วยบำรุงสมอง บำรุงเซลล์ในระบบประสาท ทำให้สมองดีอยู่เสมอ เด็กที่รับประทานน้ำมันจมูกข้าวรำข้าว จึงมีความจำดี ส่วนผู้สูงวัยหากได้รับประทานน้ำมันจมูกข้าวรำข้าว อยู่เสมอ ก็จะปลอดภัยจากโรคสมองเสื่อม ขณะที่โอเมก้า 6 และวิตามินบีคอมเพล็กซ์ เป็นส่วนประกอบของเซลล์ผิวหนัง และ เซลล์ในอวัยวะสืบพันธุ์ ช่วยให้ผิวหนังและระบบสืบพันธุ์ดีขึ้น
4. ป้องกันโรคมะเร็งโรคร้ายที่คร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกอย่างไม่มีที่มาที่ไปในศตวรรษที่ผ่านมาและศตวรรษนี้ คือโรคมะเร็ง แต่น่ายินดีที่ผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ พบว่า หากได้รับสารอาหารที่มีอยู่ในน้ำมันจมูกข้าวรำข้าว เข้มข้นถึง 5% ของกระแสเลือดในร่างกาย จะช่วยให้รอดพ้นจากการเป็นโรคมะเร็ง แม้ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งแล้ว ก็ช่วยได้ถึง 62% เนื่องจากในน้ำมันจมูกข้าวรำข้าว มีสารอาหารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมาก ว่ากันว่า สารต้านอนุมูลอิสระในน้ำมันจมูกข้าวรำข้าว มีมากกว่าในพืชทุกชนิดเท่าที่มีการค้นพบในเวลานี้
5. บำรุงผิวพรรณให้ผ่องใส และ ชะลอความแก่น้ำมันจมูกข้าวรำข้าว มีวิตามินอีจำนวนมาก รวมทั้งวิตามินบีคอมเพล็กซ์ โอเมก้า 6 และเซลาไมซ์(Ceramide) ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกแล้วว่า สารอาหารดังกล่าว มีส่วนช่วยบำรุงผิวพรรณให้เต่งตึง เปล่งปลั่ง ผ่องใสมีน้ำมีนวลอยู่เสมอ ทำให้แก่ช้า หรือ ชะลอความแก่ ที่มีรอยเหี่ยวย่นเกิดขึ้นแล้ว ก็ทำให้ริ้วรอยเหี่ยวย่นหายไป
6. ควบคุมความสมดุลของระดับฮอร์โมนในร่างกายร่างกายคนเราจะผลิตฮอร์โมนชนิดต่างๆ ออกมาเสมอ เพื่อให้การทำงานของอวัยวะต่างๆ ดำเนินไปได้อย่างปกติ หากร่างกายขาดฮอร์โมนชนิดใดชนิดหนึ่งก็จะเกิดโรคร้ายขึ้น เช่น ความผิดปกติเกี่ยวกับฮอร์โมนอินซูลิน ก็จะเป็นผลให้เกิดโรคเบาหวาน หรือ ความผิดปกติเกี่ยวกับฮอร์เอสโตรเจนในสตรี ก็จะเกิดอาการวัยทองและระบบประจำเดือน เป็นต้น จากการศึกษาวิจัย พบว่า สารอาหารหลายชนิดในน้ำมันจมูกข้าวรำข้าว ช่วยให้ร่างกายสามารถผลิตฮอร์โมนได้อย่างสม่ำเสมอและเกิดความสมดุล จึงทำให้ร่างกายแข็งแรงตลอดไป
7. ป้องกันโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศทั้งชายและหญิงอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เกิดขึ้นได้กับทั้งชายและหญิง ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของสังคม เพราะหากคู่สามีภรรยาอยู่ด้วยกันอย่างไม่มีความสุข หรือขาดความสมดุลทางเพศ ก็จะก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ มากมาย เช่น การหย่าร้าง การคบชู้สู่ชายหรือหญิง การประพฤติผิดต่อคู่ครอง การเที่ยวเตร่นอกบ้าน เป็นต้น สำหรับชายหญิงที่ได้รับสารอาหารต่างๆ ในน้ำมันจมูกข้าวรำข้าวเป็นประจำ จะทำให้ร่างกายมีความแข็งแรงสมบูรณ์อยู่เสมอ อีกทั้งสารเมลาโทนิน(Melatonin) ช่วยให้จิตใจผ่อนคลายด้วย ก็จะทำให้รอดพ้นจากโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้ตลอดไป
8. บำรุงดวงตา สายตา ให้แจ่มใส ใช้งานได้ดีอยู่เสมอดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญ หากขาดการบำรุง ก็จะทำให้ดวงตาเกิดโรคต่างๆ ได้ เช่น น้ำเลี้ยงตาแห้ง ทำให้รู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่ดวงตา หรือ เป็นต้อชนิดต่างๆ เป็นต้น สารอาหารที่อยู่ในน้ำมันจมูกข้าวรำข้าว เช่น วิตามินเอ วิตามินบีคอมเพล็กซ์ เบต้าแคโรทีน ล้วนมีส่วนช่วยให้ดวงตาแจ่มใสและใช้งานได้ดีอยู่เสมอ
9. เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายในน้ำมันจมูกข้าวรำข้าว มีสารอาหารต่างๆ มากมาย ทั้งโปรตีน(จากพืช) ไขมันชนิดดีที่ร่างกายต้องการ(HDL) วิตามินต่างๆ ทั้งวิตามินเอ บีรวม อี ดี เค แร่ธาตุสำคัญๆ ที่ร่างกายต้องการก็มีอยู่ในน้ำมันจมูกข้าว เช่น แคลเซี่ยม ฟอสฟอรัส โปตัสเซี่ยม เซเลเนี่ยม โครเมี่ยม สังกะสี แมงกานีส นอกจากนั้น ยังมีเลซิติน ไลโซเลซิติน เซฟฟาลีน เบต้าแคโรทีน ซึ่งทั้งหลายทั้งปวง ล้วนทำให้สุขภาพแข็งแรง จึงทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานที่ดี ไม่เจ็บไม่ป่วย แม้ผู้ที่มีอาการป่วยแล้ว หากได้รับสารอาหารดังกล่าวอย่างเพียงพอและสมดุล ก็จะหายป่วยได้ ล่าสุด นายแพทย์บาร์รี่แห่งมหาวิทยาลัยไมอามี่ สหรัฐอเมริกา ได้ทำการวิจัยผู้ป่วยเอดส์ โดยให้ทานเซเลเนี่ยมเป็นประจำ ปรากฎว่า ได้ผลดี ทำให้ภูมิคุ้มกัน (CD4) เพิ่มมากขึ้น ขณะที่เชื้อ HIV ลดลง ดังนั้น ผู้ที่ร่างกายปกติควรรับประทานน้ำมันจมูกข้าว เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงตลอดไป ส่วนผู้ที่ป่วยแล้ว ก็ควรรับประทานน้ำมันจมูกข้าว เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหาร ซึ่งจะทำให้หายป่วยอย่างรวดเร็ว10. หลับสนิท จิตใจเบิกบานยอมรับกันแล้วว่า การพักผ่อนด้วยการนอนหลับ คือ การพักผ่อนที่ดีที่สุด สารอาหารเมลาโทนิน ในน้ำมันจมูกข้าวรำข้าว จะทำให้นอนหลับสนิท หลับลึก ทำให้ร่างกายได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ เมื่อตื่นก็สดชื่นเบิกบาน จิตใจก็แจ่มใส ไม่เครียด ทำให้การดำเนินชีวิตเป็นไปอย่างมีความสุข
เก็บไว้ขำ อิอิ... ยามจำเป็น
เด็กชายปิงปองขี่จักรยานคันใหม่มาอวดเพื่อนๆที่หน้าวัด พอดีเจอกับบราเดอร์ดุ่ยศักดิ์ บราเดอร์จึงเรียกเด็กชายปิงปองเขาไปสวดด้วยกันที่วัด “ไม่เอาหรอกครับ ผมกลัวจักรยานผมหาย” “ไม่เป็นไรหรอก เธอขอพระจิตเจ้าเฝ้าไว้สิ” บราเดอร์ดุ่ยศักดิ์เสนอ เด็กชายปิงปองจึงยอมไปสวดด้วยกันกับบราเดอร์ ขณะที่เริ่มสวดนั้นเองเขาก็ทำสำคัญมหากางเขน “เดชะพระนาม พระบิดา และพระบุตร อาแมน” “อ้าวแล้วพระจิตหายไปใหนล่ะ?” บราเดอร์ดุ่ยศักดิ์ถาม เด็กชายปิงปองหันหน้ามาทำหน้างงงงแล้วถามกลับไปว่า “ก็พระจิตเฝ้าจักรยานให้ผมอยู่ข้างนอกไม่ใช่หรือครับ.........
เพื่อนแท้....
เพื่อนทั่วไปไม่เคยเห็นคุณร้องไห้
.......เพื่อนแท้มีหัวไหล่ไว้ซับน้ำตาคุณ
เพื่อนทั่วไปจะไม่รู้ชื่อพ่อแม่ของคุณ
.......เพื่อนแท้จะมีเบอร์ของคุณในสมุดจดโทรศัพท์ของเขา
เพื่อนทั่วไปจะถือขวดไวน์มางานปาร์ตี้ของคุณ
.......เพื่อนแท้จะมาแต่วันเพื่อช่วยเตรียมงาน
เพื่อนทั่วไปอยากคุยกับคุณถึงปัญหาของเขา
.......เพื่อนแท้อยากช่วยปัดเป่าปัญหาของคุณออกไป
เพื่อนทั่วไปจะพิศวงในเรื่องโรแมนติกเก่าๆ
......เพื่อนแท้สามารถเอาเรื่องนี้มาอำคุณได้เพื่อน
ทั่วไปเวลามาเยี่ยมคุณทำตัวเยี่ยงแขก
.......เพื่อนแท้จะตรงรี่ไปเปิดตู้เย็นและบริการตนเอง
เพื่อนทั่วไปคิดว่ามิตรภาพจบลงเมื่อเกิดการทะเลาะถกเถียง
........เพื่อนแท้รู้ว่านั่นมิใช่มิตรภาพจนกว่าคุณได้เคยวิวาทกัน
เพื่อนทั่วไปคาดหวังให้คุ๕อยู่เคียงข้างเขาเสมอ
........เพื่อนแท้คาดหวังที่จะอยู่เคียงข้างคุณตลอดไป
เพื่อนทั่วไปจะอ่านข้อความนี้แล้วโยนลงถังขยะ
........เพื่อนแท้จะเฝ้าส่งต่อๆไปจนมั่นใจว่ามันได้ถึงมือผู้รับ....
สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต
ศัตรูที่หน้าสะพรึงกลัวที่สุดในชีวิตเรา คือ ตัวเราเอง
ความล้มเหลวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา คือ ความอวดดี
การกระทำที่โง่เขลาที่สุดในชีวิตเรา คือ การหลอกลวง
สิ่งที่แสนสาหัสที่สุดในชีวิตเรา คือ ความอิจฉาริษยา
ความผิดพลาดมหันต์ที่สุดในชีวิตเรา คือ การยอมแพ้ตนเอง
สิ่งที่เป็นอกุศลที่สุดในชีวิตของเรา คือ การหลอกตัวเอง
สิ่งที่หน้าสังเวชที่สุดในชีวิตเรา คือ การดูถูกตัวเอง
สิ่งที่น่าสรรเสริญที่สุดในชีวิตเรา คือ ความอุตสาหะวิริยะ
ความล้มละลายที่สุดในชีวิตเรา คือ ความสิ้นหวัง
ทรัพย์สมบัติที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตเรา คือ สุขภาพที่สมบูรณ์
หนี้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา คือ หนี้บุญคุณ
ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา คือ การให้อภัยและความเมตตา
ข้อบกพร่องที่ใหญ่หลวงที่สุดในชีวิตเรา คือการทำตามใจแบบไร้เหตุผล
สิ่งที่ทำให้อิ่มอกอิ่มใจมากที่สุด คือ การให้ทาน
มองในมุมต่างๆ
ความทุกข์ มีไว้เป็นแบบทดสอบความแข็งแกร่งของชีวิต
ความเศร้า หนทางแสดงออกของความทุกข์
ความเหงา เป็นเพื่อนที่ดีสำหรับการเรียนรู้ตนเองความสุข มิให้เก็บเกี่ยวได้เสมอตลอดเวลา
...แม้กระทั่งในเวลาแห่งทุกข์ความจริง เป็นสิ่งที่คนใช้กันน้อย....และมักมองผ่าน
ความลวง สิ่งที่หน้าเกลียดที่สุด....แต่คนชอบใช้
ความรัก คือสิ่งที่ดีและสวยงามที่สุดในโลกมองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ แต่รู้สึกได้ด้วยหัวใจของขวัญจากพระเจ้า....
บัญชีธนาคารข้อกำหนดและเงื่อนไข
1.รับฝากเฉพาะความรัก และพระพรในบัญชีเท่านั้น
2.สิ่งที่ดีที่สุดคือ ท่านไม่ต้องเสียอะไรเลย
3.โปรดใช้บัญชีนี้อย่างเต็มที่
4.อัตราดอกเบี้ยคำนวณจากเงินตะลันต์ที่ท่านได้รับ
5.หากท่านทำรหัสนี้หาย ท่านจะสูญเสียทุกสิ่งในวันนี้
6.โปรดฝากสิ่งที่ท่านได้รับในบัญชีของคนอื่นด้วย
7.ขอให้ปัญหาของท่านน้อยลง และได้รับพระพรมากขึ้น
8.ขออย่าให้สิ่งอื่นใดมากล้ำกลายประตูบ้านของท่านนอกจากความสุข
10 วิธี ที่จะไปได้ดีกับทุกคน
1.ก่อนจะพูดอะไรกับใคร จงถามตัวเองก่อนว่า:มันจริงไหม มีเมตตาไหม จำเป็นไหมไม่สัญญาพร่ำเพรื่อ แต่สัญญาแล้วถืออย่างซื่อสัตย์2.อย่าพลาดโอกาสที่จะกล่าวชมหรือให้กำลังใจผู้อื่น
3.อย่าพูดถึงผู้อื่นในแง่ร้าย อย่านินทา และอย่าฟังการนินทา
4.จงพร้อมที่จะให้อภัย จงเชื่อว่าคนส่วนมากก็พยายามทำดีที่สุดเท่าที่สามารถแล้ว
5.จงเปิดใจกว้าง จงถกปัญหา แต่อย่าวิวาท
6.จงนับถึง 1,000 (ไม่ใช่แค่ 10) ก่อนที่จะพูดหรือทำอะไร ที่จะทำให้เรื่องมันเลวร้ายลง
7.ถ้าใครตำหนิท่าน จงดูว่าที่เขาพูดนั้นจริงไหม ถ้าจริงก็แก้ไขเสียถ้าไม่จริงก็แล้วไป และจงดำเนินชีวิตอย่างที่จะไม่ทำให้ใครเชื่อคำใส่ร้ายนั้น
8.จงมีอารมณ์ขัน การหัวเราะเป็นระยะทางที่สั้นที่สุดระหว่างสองคนอย่าแสวงหาความบรรเทา มากกว่าที่จะบรรเทาใจผู้อื่น
9.อย่าคอยให้คนอื่นเข้าใจเรามากกว่าที่จะเข้าใจผู้อื่น
10.อย่าคอยให้คนอื่นมารัก มากกว่าที่จะรักคนอื่น
เด็กชายปิงปองขี่จักรยานคันใหม่มาอวดเพื่อนๆที่หน้าวัด พอดีเจอกับบราเดอร์ดุ่ยศักดิ์ บราเดอร์จึงเรียกเด็กชายปิงปองเขาไปสวดด้วยกันที่วัด “ไม่เอาหรอกครับ ผมกลัวจักรยานผมหาย” “ไม่เป็นไรหรอก เธอขอพระจิตเจ้าเฝ้าไว้สิ” บราเดอร์ดุ่ยศักดิ์เสนอ เด็กชายปิงปองจึงยอมไปสวดด้วยกันกับบราเดอร์ ขณะที่เริ่มสวดนั้นเองเขาก็ทำสำคัญมหากางเขน “เดชะพระนาม พระบิดา และพระบุตร อาแมน” “อ้าวแล้วพระจิตหายไปใหนล่ะ?” บราเดอร์ดุ่ยศักดิ์ถาม เด็กชายปิงปองหันหน้ามาทำหน้างงงงแล้วถามกลับไปว่า “ก็พระจิตเฝ้าจักรยานให้ผมอยู่ข้างนอกไม่ใช่หรือครับ.........
เพื่อนแท้....
เพื่อนทั่วไปไม่เคยเห็นคุณร้องไห้
.......เพื่อนแท้มีหัวไหล่ไว้ซับน้ำตาคุณ
เพื่อนทั่วไปจะไม่รู้ชื่อพ่อแม่ของคุณ
.......เพื่อนแท้จะมีเบอร์ของคุณในสมุดจดโทรศัพท์ของเขา
เพื่อนทั่วไปจะถือขวดไวน์มางานปาร์ตี้ของคุณ
.......เพื่อนแท้จะมาแต่วันเพื่อช่วยเตรียมงาน
เพื่อนทั่วไปอยากคุยกับคุณถึงปัญหาของเขา
.......เพื่อนแท้อยากช่วยปัดเป่าปัญหาของคุณออกไป
เพื่อนทั่วไปจะพิศวงในเรื่องโรแมนติกเก่าๆ
......เพื่อนแท้สามารถเอาเรื่องนี้มาอำคุณได้เพื่อน
ทั่วไปเวลามาเยี่ยมคุณทำตัวเยี่ยงแขก
.......เพื่อนแท้จะตรงรี่ไปเปิดตู้เย็นและบริการตนเอง
เพื่อนทั่วไปคิดว่ามิตรภาพจบลงเมื่อเกิดการทะเลาะถกเถียง
........เพื่อนแท้รู้ว่านั่นมิใช่มิตรภาพจนกว่าคุณได้เคยวิวาทกัน
เพื่อนทั่วไปคาดหวังให้คุ๕อยู่เคียงข้างเขาเสมอ
........เพื่อนแท้คาดหวังที่จะอยู่เคียงข้างคุณตลอดไป
เพื่อนทั่วไปจะอ่านข้อความนี้แล้วโยนลงถังขยะ
........เพื่อนแท้จะเฝ้าส่งต่อๆไปจนมั่นใจว่ามันได้ถึงมือผู้รับ....
สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต
ศัตรูที่หน้าสะพรึงกลัวที่สุดในชีวิตเรา คือ ตัวเราเอง
ความล้มเหลวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา คือ ความอวดดี
การกระทำที่โง่เขลาที่สุดในชีวิตเรา คือ การหลอกลวง
สิ่งที่แสนสาหัสที่สุดในชีวิตเรา คือ ความอิจฉาริษยา
ความผิดพลาดมหันต์ที่สุดในชีวิตเรา คือ การยอมแพ้ตนเอง
สิ่งที่เป็นอกุศลที่สุดในชีวิตของเรา คือ การหลอกตัวเอง
สิ่งที่หน้าสังเวชที่สุดในชีวิตเรา คือ การดูถูกตัวเอง
สิ่งที่น่าสรรเสริญที่สุดในชีวิตเรา คือ ความอุตสาหะวิริยะ
ความล้มละลายที่สุดในชีวิตเรา คือ ความสิ้นหวัง
ทรัพย์สมบัติที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตเรา คือ สุขภาพที่สมบูรณ์
หนี้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา คือ หนี้บุญคุณ
ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา คือ การให้อภัยและความเมตตา
ข้อบกพร่องที่ใหญ่หลวงที่สุดในชีวิตเรา คือการทำตามใจแบบไร้เหตุผล
สิ่งที่ทำให้อิ่มอกอิ่มใจมากที่สุด คือ การให้ทาน
มองในมุมต่างๆ
ความทุกข์ มีไว้เป็นแบบทดสอบความแข็งแกร่งของชีวิต
ความเศร้า หนทางแสดงออกของความทุกข์
ความเหงา เป็นเพื่อนที่ดีสำหรับการเรียนรู้ตนเองความสุข มิให้เก็บเกี่ยวได้เสมอตลอดเวลา
...แม้กระทั่งในเวลาแห่งทุกข์ความจริง เป็นสิ่งที่คนใช้กันน้อย....และมักมองผ่าน
ความลวง สิ่งที่หน้าเกลียดที่สุด....แต่คนชอบใช้
ความรัก คือสิ่งที่ดีและสวยงามที่สุดในโลกมองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ แต่รู้สึกได้ด้วยหัวใจของขวัญจากพระเจ้า....
บัญชีธนาคารข้อกำหนดและเงื่อนไข
1.รับฝากเฉพาะความรัก และพระพรในบัญชีเท่านั้น
2.สิ่งที่ดีที่สุดคือ ท่านไม่ต้องเสียอะไรเลย
3.โปรดใช้บัญชีนี้อย่างเต็มที่
4.อัตราดอกเบี้ยคำนวณจากเงินตะลันต์ที่ท่านได้รับ
5.หากท่านทำรหัสนี้หาย ท่านจะสูญเสียทุกสิ่งในวันนี้
6.โปรดฝากสิ่งที่ท่านได้รับในบัญชีของคนอื่นด้วย
7.ขอให้ปัญหาของท่านน้อยลง และได้รับพระพรมากขึ้น
8.ขออย่าให้สิ่งอื่นใดมากล้ำกลายประตูบ้านของท่านนอกจากความสุข
10 วิธี ที่จะไปได้ดีกับทุกคน
1.ก่อนจะพูดอะไรกับใคร จงถามตัวเองก่อนว่า:มันจริงไหม มีเมตตาไหม จำเป็นไหมไม่สัญญาพร่ำเพรื่อ แต่สัญญาแล้วถืออย่างซื่อสัตย์2.อย่าพลาดโอกาสที่จะกล่าวชมหรือให้กำลังใจผู้อื่น
3.อย่าพูดถึงผู้อื่นในแง่ร้าย อย่านินทา และอย่าฟังการนินทา
4.จงพร้อมที่จะให้อภัย จงเชื่อว่าคนส่วนมากก็พยายามทำดีที่สุดเท่าที่สามารถแล้ว
5.จงเปิดใจกว้าง จงถกปัญหา แต่อย่าวิวาท
6.จงนับถึง 1,000 (ไม่ใช่แค่ 10) ก่อนที่จะพูดหรือทำอะไร ที่จะทำให้เรื่องมันเลวร้ายลง
7.ถ้าใครตำหนิท่าน จงดูว่าที่เขาพูดนั้นจริงไหม ถ้าจริงก็แก้ไขเสียถ้าไม่จริงก็แล้วไป และจงดำเนินชีวิตอย่างที่จะไม่ทำให้ใครเชื่อคำใส่ร้ายนั้น
8.จงมีอารมณ์ขัน การหัวเราะเป็นระยะทางที่สั้นที่สุดระหว่างสองคนอย่าแสวงหาความบรรเทา มากกว่าที่จะบรรเทาใจผู้อื่น
9.อย่าคอยให้คนอื่นเข้าใจเรามากกว่าที่จะเข้าใจผู้อื่น
10.อย่าคอยให้คนอื่นมารัก มากกว่าที่จะรักคนอื่น
วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
มิสซา
คุณค่าของมิสซา
ที่มา : นิตยสารแม่พระยุคใหม่ ฉบับที่ 167 ปีที่ 29 กันยายน – ตุลาคม 2009/2552จงระลึกไว้เถิดว่า เมื่อท่านจวนจะสิ้นใจนั้นมิสซาทั้งหมดที่ท่านได้ร่วมอย่างศรัทธา จะปลอบใจท่านอย่างอเนกอนันต์เมื่อท่านร่วมถวายมิสซาด้วยใจศรัทธา ท่านก็ถวายเกียรติสูงสุดแด่มนุษยภาพของพระเยซูเจ้าท่านอาจถวายให้วิญญาณในไฟชำระพ้นโทษได้ เพราะมิสซามีค่าสูงสุดท่านจะได้รับพร แม้สำหรับธุรกิจการงานในโลกนี้พระองค์จะไม่สนพระทัยในความเลินเล่อมากมายของท่านพระองค์ทรงยกบาปท่าน แม้ที่ท่านไม่เคยสารภาพ แต่มีความทุกข์จริงใจแล้วแต่ละมิสซา เป็นการวอนขออภัยให้ท่าน จากพระยุติธรรมของพระเจ้าแต่ละมิสซา ช่วยลดโทษบาปของท่าน มากหรือน้อยสุดแล้วแต่ความศรัทธาของท่านในการร่วมมิสซาแต่ละมิสซา ช่วยผลักไสปีศาจออกห่างจากท่านแต่ละมิสซา ป้องกันท่านให้พ้นอันตรายนานา ที่อาจมาถึงตัวท่านโดยไม่รู้ตัวแต่ละมิสซา ลดเวลาในไฟชำระให้สั้นลงแต่ละมิสซา เพิ่มเกียรติมงคลที่ท่านจะรับในสวรรค์แต่ละมิสซา ได้รับพรจากพระสงฆ์ ซึ่งมีองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้รับรองมิสซาเดียวที่ท่านได้ร่วมขณะยังมีชีวิตอยู่ จะช่วยท่านให้รอด มากกว่าอีกหลายมิสซา ที่คนอื่นจะถวายให้เมื่อท่านตายไปแล้ว* “คริสตชนเอ๋ย จงรู้ไว้เถิดว่า ร่วมมิสซาหนึ่งครั้ง ท่านได้บุญกุศลมากกว่าแจกทรัพย์สมบัติแก่คนจน หรือจาริกแสวงบุญไปทั่วทุกแห่งในโลก” (นักบุญเบอร์นาร์ด)* “พระเจ้าทรงโปรดทุกสิ่งให้เรา ตามที่วอนขอในมิสซา และยิ่งกว่านั้น พระองค์ยังประทานให้แม้สิ่งที่เราไม่คิดจะวอนขอ แต่จำเป็นแก่เราอีกด้วย” (นักบุญเยโรม)* “ถ้าเราเข้าใจซึ้งถึงคุณค่าของมิสซาแล้วไซร้ เราคงจะร่วมถวายด้วยใจร้อนรนมากกว่านี้อีกหลายเท่านัก (นักบุญยอห์นมารีเวียนเนย์)* นักบุญเทเรซา ถามพระเจ้าว่า “จะแสดงความขอบคุณพระองค์ได้อย่างไร” พระองค์ทรงตอบว่า “จงร่วมบูชามิสซา”
เขียนโดย โชติรส
วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2552
สำหรับแม่น้อยกว่านี้ได้อย่างไร
เริ่มตั้งไข่ใจพองประคองลูก
ความพันผูกแนบแน่นสุดขานไข
เริ่มหัดเดินหัดพูดแม่สุขใจ
ก้าวแรกได้ให้ลูกด้วยผูกพัน
แม่เป็นครูคนแรกของชีวิต
ชี้ถูกผิดให้ลูกเลือกดั่งใจฝัน
ยามเจ้าโตรวยจนไม่สำคัญ
ขอลูกฉันเป็นคนดีของสังคม
ความพันผูกแนบแน่นสุดขานไข
เริ่มหัดเดินหัดพูดแม่สุขใจ
ก้าวแรกได้ให้ลูกด้วยผูกพัน
แม่เป็นครูคนแรกของชีวิต
ชี้ถูกผิดให้ลูกเลือกดั่งใจฝัน
ยามเจ้าโตรวยจนไม่สำคัญ
ขอลูกฉันเป็นคนดีของสังคม
วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2552
การทำงานของคอมพิวเตอร์
1. หลักการทำงานของคอมพิวเตอร์ เป็นการทำงานเกี่ยวกับอะไรตอบ. 1.หน่วยประมวลผลในรูปแบบข้อมูล คือทำการประมวลผลทางคณิตศาสตร์ขั้นพื้นฐานอันได้แก่การบวกและลบ และการทำการเปรียบเทียบข้อมูลสองข้อมูลว่ามีค่าเท่ากันหรือไม่ถ้าไม่จะมีค่ามากกว่าหรือน้อยกว่า2.. หน่วยความจำ หรือ Memory ใช้สำหรับเก็บข้อมูล และ คำสั่ง3. อุปกรณ์อินพุตและเอาต์พุต เป็นส่วนที่ใช้นำข้อมูลจากโลกภายนอกเข้ามาภายในระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อนำมาประมวลผล4.หน่วยควบคุมการทำงาน หรือ Control Unit เป็นส่วนที่ใช้เชื่อมต่อแต่ละส่วนเข้าด้วยกัน หน้าที่หลักๆคือทำการอ่านข้อมูลคำสั่งที่อยู่ภายในหน่วยความจำ หน้าที่หลักอีกประการ คือควบคุมลำดับการทำงานของแต่ละขั้นตอนให้อยู่ในเวลาที่เหมาะสม
2. อุปกรณ์ (output ) ทำหน้าที่แสดงผลลัพธ์ออกมาอย่างไรบ้าง
ตอบ. การแสดงผลทางจอภาพ เรียกได้อีกอย่างว่าเป็น Soft Copy คือ จะแสดงผลลัพธ์ขณะที่มีกระแสไฟฟ้าอยู่ อุปกรณ์คือ จอภาพคอมพิวเตอร์ทั่วไป และ การแสดงผลทางจอภาพ หรือเรียกได้อีกอย่างว่าเป็น Hard Copy คือ สามารถแสดงผลลัพธ์คงทนอยู่นาน อุปกรณ์ที่ใช้ คือ Printer
3. Hard disk - คือ
ตอบ. คลังเก็บข้อมูลของระบบ ซึ่งเปรียบเสมือนกับสมองของมนุษย์ ซึ่งมีพื้นที่มากมายที่จะเก็บข้อมูล และสามารถนำข้อมูลออกมานำเสนอได้อีก
4.Central processing unit (CPU) มีความสามารถอย่างไร
ตอบ . Centrl processing unit หรือ CPU เป็นส่วนที่สำคัญที่สุด ถ้าเปรียบกับการทำงานของมนุษย์ CPU ก็มีสมองเทียบเท่ากับมนุษย์ ที่มีความสามารถ ในการจัดการคำสั่ง และการประมวลผลที่มีความซับซ้อน เป็นอย่างมาก
2. อุปกรณ์ (output ) ทำหน้าที่แสดงผลลัพธ์ออกมาอย่างไรบ้าง
ตอบ. การแสดงผลทางจอภาพ เรียกได้อีกอย่างว่าเป็น Soft Copy คือ จะแสดงผลลัพธ์ขณะที่มีกระแสไฟฟ้าอยู่ อุปกรณ์คือ จอภาพคอมพิวเตอร์ทั่วไป และ การแสดงผลทางจอภาพ หรือเรียกได้อีกอย่างว่าเป็น Hard Copy คือ สามารถแสดงผลลัพธ์คงทนอยู่นาน อุปกรณ์ที่ใช้ คือ Printer
3. Hard disk - คือ
ตอบ. คลังเก็บข้อมูลของระบบ ซึ่งเปรียบเสมือนกับสมองของมนุษย์ ซึ่งมีพื้นที่มากมายที่จะเก็บข้อมูล และสามารถนำข้อมูลออกมานำเสนอได้อีก
4.Central processing unit (CPU) มีความสามารถอย่างไร
ตอบ . Centrl processing unit หรือ CPU เป็นส่วนที่สำคัญที่สุด ถ้าเปรียบกับการทำงานของมนุษย์ CPU ก็มีสมองเทียบเท่ากับมนุษย์ ที่มีความสามารถ ในการจัดการคำสั่ง และการประมวลผลที่มีความซับซ้อน เป็นอย่างมาก
การแนะนำตัว
ชื่อ นางสาวโชติรส งามวงศ์
ชื่อเล่น จ๋อม
อายุ 15 ปี
เกิดวันที่ 10 เดือนมกราคม พ.ศ.2537
ที่อยู่ 512 ถ.พรหมราช อ.เมือง จ.อุบลฯ 34000
อาหารที่ชอบ ส้มตำ ไก่ย่าง
ชื่อเล่น จ๋อม
อายุ 15 ปี
เกิดวันที่ 10 เดือนมกราคม พ.ศ.2537
ที่อยู่ 512 ถ.พรหมราช อ.เมือง จ.อุบลฯ 34000
อาหารที่ชอบ ส้มตำ ไก่ย่าง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)